สถิติ
เปิดเมื่อ25/04/2011
อัพเดท3/10/2012
ผู้เข้าชม23384
แสดงหน้า28321
ปฎิทิน
March 2025
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
      
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
     




บทความ

สมุนไพรไทย
ประวัติการแพทย์แผนโบราณ 

การแพทย์แผนโบราณ มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน พร้อมๆ กับการกำเนิดมนุษย์ชาติ ผู้คนทุกชาติทุกภาษาต่างก็มีวิชาการแพทย์ของตนเอง แตกต่างกันไปตามแนวปรัชญาการแพทย์พื้นฐานของแต่ละกลุ่มชน แต่ที่เหมือนกัน สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ก็คือ การนำเอาสิ่งซึ่งมีอยู่หรือเกิดขึ้นในธรรมชาติมาใช้
     หากจะกล่าวตามหลักทางพระพุทธศาสนา สรรพสิ่งทั้งหลายย่อมประกอบด้วยอนูและปรมาณู ถ้าเป็นส่วนประกอบที่จัดเป็นกลุ่มตามลักษณะ เรียกว่ากองธาตุมี 4 ลักษณะ คือ ลักษณะแข็ง เรียกว่า ธาตุดิน ลักษณะไหลเกาะกุมและเย็น เรียกว่า ธาตุไฟ ทุกสิ่งย่อมมีพลังงานอยู่ในตัวเอง พลังงานในคนและสัตว์ เรียกว่า จิต พลังงานในวัตถุ เรียกว่า ภูตะ เรียกว่า พลังงานปรมาณู หรือพลังงานนิวเคลีย เป็นต้น จะเห็นว่าสิ่งต่างในธรรมชาติไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีพลังงานอยู่ในตัวเองทั้งสิ้น เมื่อพิจารณาในแง่ของการรักษาโรคหรือแก้ไขความผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกายของมนุษย์หรือสัตว์ ก็คือการแก้ไขการเสียสมดุลย์ของธาตุทั้ง 4 อันประกอบขึ้นเป็นร่างกาย พลังงานที่มีอยู่ในสรรพสิ่งในธรรมชาติ เรียกตามวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ ว่าสรรพคุณ เราสามารถนำเอาสรรพคุณในการรักษาของสรรพสิ่ง ที่มีอยู่แตกต่างกันไปมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่มนุษย์ได้ ดังนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ทุกสิ่งในโลกสามาถนำมาปรุงเป็นยาได้ทั้งสิ้น
     วิชาแพทยืแผนโบราณ มีหลักฐานการจดบันทึกมานานกว่า 4000 ปี มาแล้ว มีการรวบรวมเป็นคัมภีย์อุปเวท ชื่อว่าอายุรเวท รวมความรู้เรื่องการตรวจโรค การบำบัดรักษาโรค ทางยาและผ่าตัด การป้องกันโรคของคน สัตว์ และพืช ในตำนานกล่าวว่าพระพรหมสอนวิชาแพทย์ให้แก่ท้าวทักษาประชาบดี ท้าวทักษาประชาบดีสอนให้แก่อัศวิน อัศวินสอนให้แก่พระอินทร์ พระอินทร์สอนให้แก่พวกฤาษี ฤาษีสอนให้แก่ศิษย์สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ฤาษีที่ได้เรียนวิชาแพทย์มาจากพระอินทร์แยกเป็นสองสาย สายแรกมี ฤาษีภรัทวาชะกับฤาษีอาเตรยะ ซึ่งสืบทอดกันมาถึงสมัยพุทธกาล เป็นรุ่นสุดท้าย คือ นาคชุน เป็นผู้รวบรวมแก้ไขเพิ่มเติมวิชาแพทย์เหล่านี้ใช้สืบต่อกันมา
     การแพทย์ในสมัยโบราณเจริญรุ่งเรืองมากในประเทศอินเดีย ก่อนพุทธกาลประมาณ 377 ปี จนถึง พ.ศ. 1743 เมื่อถูกปกครองด้วยชนชาวอาหรับ เอกสารหลักฐาน ผู้คนและความรู้ ได้ถูกทำลายไปอย่างย่อยยับ ตามมาด้วยการเข้ายึดครองจากอังกฤษ เก็บทรัพย์สมบัติและตำรับตำรา หลักฐานต่าง ๆ ไปเป็นจำนวนมาก ก่อนหน้านั้น ในปี พ.ศ. 1243 พระเจ้ากาหลิบได้ทรงรับสั่งให้แปลตำราวิชาแพทย์อายุรเวทไปเป็นภาษาอาหรับ ซึ่งได้เป็นพื้นฐานของการแพทย์ในยุโรปในปัจจุบัน ในยุคนั้น วิชาแพทย์อายุรเวท ได้ถ่ายทอดไปยังจีน กรุงโรม และขอม ขอมได้จัดตั้งอโรคยศาลา หรือ โรงพยาบาลขึ้น 102 แห่ง กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ปกครอง พบอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบันหลายแห่ง จากหลักฐานเครื่องมือแพทย์ในยุคของชีวกโกมารภัจจ์แพทย์ ที่อังกฤษเก็บรวบรวมไว้ มีเครื่อมือผ่าตัดมากมายกว่า 100 ชิ้น ทำด้วยเหล็กอย่างดี มีความคม สามารถผ่าเส้นผมได้ เช่น มีดผ่าตัดเข็มเย็บแผล เลื่อยตัดกระดูก เครื่องเจาะอวัยวะ ขอเกี่ยว หมุดหยั่ง ช้อนขูด เครื่องถ่าง ปากคีบ หลอดฉีด เครื่องสวน ผ้าพันแผล 14 ชนิด เผือกชนิดต่าง ๆ ผ้าขี้ผึ้งปิดและรักษาแผลหลายชนิด เป็นต้น มีการดูแลรักษาความสะอาดอย่างดีเยี่ยม
     ในช่วงของความรุ่งเรือง จากหลักฐานบันทึกของนักศึกษาชาวจีน ชื่อ ยวนจวงเดินทางไปศึกษา ในปีพ.ศ. 1172-1187 ที่มหาวิทยาลัยนาลันทะ มีชนชาติต่าง ๆ เข้าศึกษาถึง56 ชาติ รวมถึงชาวยุโรปด้วย มีนักศึกษา 8,500 คน มีอาจารย์ 1,510 คน มีหมู่บ้านให้นักศึกษาพักอาศัย ถึง 100 ตำบล และเพิ่มเป็น 200 ตำบล ใน พ.ศ. 1218 


*** สมุนไพรไทย ช่วยรักษาโรค ***